MimiSmily

Blog About Me

ทุกอย่างรวดเร็วมาก 

กับการที่แม่มีก้อนเนื้ออยู่ในอก... 


23 Nov 2018 : 
แม่ฝันว่ามีเด็กมาดูดนม ตื่นเช้ามาก็รู้สึกตึงๆที่เต้านมด้านซ้าย คลำดูก็เหมือนมีก้อนเต่งออกมา ไม่ได้การ เลยไปหาหมอตรวจ และผลก็คือ แม่มีก้อนเนื้อในเต้านมด้านซ้าย ประมาณ 3x3 cm. รู้สึกช็อค ปรึกษาเพื่อน ก็บอกว่าอย่าพึ่งคิดมาก บางทีก้อนเนื้ออาจเป็นซีสต์ ผ่าได้



29 Nov 2018
แม่บอก "ข่าวร้ายนะ" พร้อมถ่ายรูปผลตรวจเมมโมแกรม ที่เขียนว่า BIRADS5 และแคปจากเว็บนึงที่บอกว่า BIRADS5 หมายถึง ตรวจพบมะเร็ง...โหวววว โทรกลับหาแม่ ถามรายละเอียด วางสายปุ๊ป กินข้าวเย็นอยู่ น้ำตาไหล กินไม่ลง กลับราชรีด่วน กลายเป็นว่าแม่ซะอีกที่ปลงๆ แต่คนที่บ้าน (ป้า) ร้องไห้หนักมาก กลับมาเป็นกำลังใจให้ป้าแทน TT แต่ก็ยังมีสเต็ปสุดท้ายที่ยังพอมีหวังว่าผลเมมโมแกรมจะคลาดเคลื่อน ก็คือการเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ



7 Dec 2018 : 
แม่บอกหมอเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ ไม่ให้แผลโดนน้ำ 3 วัน  เจอไป 7 เข็ม นัดฟังผล 21 Dec 2018 ระหว่างนั้นคือหาข้อมูลในกูเกิ้ลเลย ว่าคนเป็นมะเร็งระยะต่างๆ เค้ารักษากันยังไง มีเคสนึงผ่าทั้งเต้า แล้วโชคดีไม่ให้คีโม ภาวนาว่าอยากให้แม่เราเป็นแบบนั้น เราจะได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันตอนมีนา-เมษา ปีหน้า ที่เราแพลน เราจ่ายทุกอย่างไว้แล้ว เหลือแค่ได้ไปเที่ยวเท่านั้น สุดท้าย...


21 Dec 2018 : 
หมอบอกเป็น มะเร็งระยะ 2 นะ และแม่ต้องให้คีโมก่อน 16 ครั้ง ถึงผ่าตัดได้... โหววว 16 ครั้งเลยอ๋อ ทำไมโหดขนาดนี้ 4 ครั้งแรกให้ทุก 3 สัปดาห์ จากนั้น ก็อาทิตย์ละครั้ง เอาล่ะมี่ แม่คงไม่ได้ไปแล้วญี่ปุ่น พาป้าไปนะ... ความรู้สึกคือ สับสนมาก อาการของแม่ทำไมต้องให้คีโมก่อน มีความไม่เข้าใจในฉบับการหาข้อมูลผ่านทางกูเกิ้ลแล้วคิดว่าคีโมต้องให้หลังผ่าตัดสิ สรุปพี่พัดช่วยตั้งกระทู้ถามในพันทิป คนในพันทิปแชร์ประสบการณ์ดีมากเราถึงเข้าใจว่า ที่หมอต้องให้ก่อน เพราะว่าต้องการให้ก้อนมะเร็งแม่เล็กลงและไม่ลามไปที่อื่น (ตอนนี้ก็เกิน 3ซม.แล้ว) และที่ให้ 16 เข็ม ก็เพราะเป็นสูตรยาที่อ่อนกว่า หมอก็คงประเมินแม่แล้วว่ารับยาได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งหมอนัดเลยว่าให้คีโมครั้งแรกวันที่ 28 Dec นะ

กระทู้ที่ตั้ง : สงสัยเกี่ยวกับเรื่องมะเร็งเต้านมครับ


26 Dec 2018 : 
จะให้คีโมได้ ผลร่างกาย ผลเลือดต้องผ่านด้วยนะ วันนั้นผลอัลตร้าซาวน์บริเวณช่วงท้องยังปกติดีทุกอย่าง ผลเลือดผ่านหมด สามารถให้คีโมครั้งแรกได้


คีโมครั้งที่ 1 / 16


28 Dec 2018 :  
แม่ให้คีโมประมาณ 2 ชม.  มีเข็มเจาะบนหลังมือแม่ประมาณและมีสายยางต่อเข้าเข็มประมาณ 4 สาย ผลัดกันให้ยา วันนั้นญาติพี่น้อง ไปเป็นกองเชียร์ ให้กำลังใจที่รพ. ซึ้งใจมาก ดีใจที่แม่มีคนที่รักมากมายขนาดนี้ กลับมาบ้าน แม่พอกินข้าวได้อยู่ หลังจากนั้นคืนแรกอาการแพ้ของแม่ก็เริ่มต้นด้วยการอาเจียน 4 รอบ ถึงตี 2




29 Dec 2018 : 
วันต่อมาแม่มีอาการคลื่นไส้ แต่ไม่อาเจียน มีความหิวข้าวตอนตี2 และหิวตอน 6 โมงเช้า คิดว่าสัญญาณเริ่มดีแล้ว ตอนนี้แม่เริ่มหัดกิน Ensure ของเยี่ยมที่น้าๆเอามาให้ รสช็อคโกแลต แม่พอกินได้บ้าง แต่ความอยากอาหารช่วงเช้า เที่ยง เย็นของวันนั้นไม่มีเลย 


30 Dec 2018 : 
วันที่ 3 ช่วงบ่ายแม่อาเจียนอีก 4 รอบ และตอน 2 ทุ่ม อาเจียนอีก 1 รอบ กินอะไรได้แค่คำ2คำ ทุกข์ใจเลย มันยังต่อแพ้อีกเรื่อยๆใช่มั้ย เลยชง Ensure ให้แม่จิบกินให้พอมีแรงบ้าง แต่แม่ไม่อยากกินอะไรเลย


31 Dec 2018 : 
พี่วิ ญาติที่เป็นพยาบาลมาวัดความดันให้แม่ มีความดันปกติ แต่อาการคลื่นไส้ของแม่ แม่คิดว่าเพราะกินยาตัวแก้คลื่นไส้แล้วยิ่งเป็น พี่วิเลยบอกว่าไม่ต้องกินก็ได้ เหมือนแม่จะโอเคขึ้นนะ พี่วิบอกว่ากินไอติมรสเปรี้ยวๆได้ เผื่อสดชื่น แม่เลยกินไอติมมะนาว โอเคเลย แต่กินก๋วยเตี๋ยวได้แค่ 2 คำ TT ส่วนตอนเย็นมีญาติเอาไก่ต้มมาเยี่ยม แม่เลยได้กินไก่ต้มจิ้มซีอิ๊ว กินกับข้าว 1 จาน กินหมดเลย ดีใจมากกกกก เหมือนมีแรงเพิ่มขึ้น สุดท้าย... แม่ก็อาเจียนส่งท้ายปีเก่า 1 รอบในช่วง 5 ทุ่มกว่าๆ


ขอให้แม่ดีขึ้นๆ ยังเหลือคีโมอีก 15 ครั้ง ขอให้แพ้น้อยๆ หน่อยนะ  ><

----------- 2019 -----------

ไม่อาเจียนแล้วค่าาาา 

ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงค่ะ ลุ้นคีโมครั้งที่ 2 สู้!!

1 Jan 2019 : 
สวัสดีปีใหม่ หลังจากอาเจียนไปเมื่อคืนส่งท้ายปีเก่า มาวันนี้แม่มีแรงเดินออกกำลังกายรอบบ้านในตอนเช้าได้ 1 รอบ และมีความรีเควสอยากกินแกงจืดแตงกวา ป้าก็ทำให้ กินกับข้าวไปได้หลายคำ เนี่ยแหละ คิดว่าเป็นสัญญาณที่ดีของจริง เพราะทั้งวัน แม่ไม่มีอาการอาเจียนใดๆ มีเพียงแค่ลมขึ้น คลื่นไส้ และกลางดึกก็ไม่อาเจียนแล้ว เยส!!

2 Jan 2019 : 
เมื่อคืนแม่ไม่อาเจียนเลย ตื่นเช้ามาชง Ensure กินน้ำขิง และมีความอยากกินผัดกะเพรามากกก ดูอยากกินอาหารรสที่จัดขึ้นนิดนึง พอกินก็รู้สึกมีแรง ดีๆๆ และตอนเย็นมีเพื่อนเก่าแม่สมัยเรียนเบญจมฯมาหา ซึ้งใจมากๆค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ

3-5 Jan 2019 : 
ต้องขอรวบรัด เพราะหลังจากปีใหม่ คือแม่ไม่มีอาการอาเจียนแบบ 4 วันหลังให้คีโมแล้ว มีเพียงอาการอ่อนเพลียนิดหน่อยเท่านั้น มีแรงเดิน และสามารถขับรถพาป้าไปซื้อกับข้าว และพามัฟฟินไปหาคุณหมอตรวจสุขภาพฉีดวัคซีนประจำปีได้ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว ลุ้นครบ 2 สัปดาห์แม่จะผมร่วงมั้ย ได้ทำการส่งผ้าโพก กับวิก ที่ใส่แล้วดูเด็กๆสุดๆ ให้แม่ลองใส่ ดูแฮปปี้เชียว ฮ่าๆ



ผมร่วงครั้งแรก หลังให้คีโม 2 สัปดาห์ เป๊ะๆ

พี่ป้อ พี่ที่เคยทำงานด้วยกัน เข้ามาทักหลังจากอ่านบทความนี้ว่ากำลังรักษาเช่นกัน แต่ได้ผ่าไปทั้ง2ข้างแล้ว และได้ให้คีโมครั้งแรกก่อนแม่ไม่กี่วัน ซึงพี่ป้อจะคอยอัพเดทอาการตัวเองที่ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจ และคลายความกังวลว่าแม่เราก็ไม่ได้เผชิญกับโรคนี้ลำพัง ซึ้งใจพี่ป้อมากๆจริงๆค่ะ เรามักจะเล่าสู่กันฟังในอาการต่างๆ เช่น ตอนเดินยาครั้งแรกแสบมั้ย แพ้ขนาดไหน หมอให้ยาตัวไหนที่ไม่อาเจียน (ตอนนั้นกังวลเรื่องแม่อาเจียนหนักมากกก) และก็มาถึงวันที่พี่ป้ออัพเดทว่าตัวเองผมร่วงแล้วนะ...

อาการผมร่วง เป็นสิ่งที่แม่ก็เตรียมใจไว้แล้วจริงๆ (เลยบอกให้เราเตรียมซื้อวิกและผ้าคลุม) แต่ตอนที่พี่ป้อมาอัพเดท ผมแม่เรายังปกติ เลยถามว่าร่วงหลังให้นี่ประมาณกี่วัน พี่ป้อนับๆแล้วก็บอกว่า 14 วัน 2 สัปดาห์พอดีแก! นี่ก็เลยถามว่าพี่ป้อมีแพลนโกนทั้งหัวเลยมั้ย แต่ตอนนั้นเหมือนบ้านพี่ป้อบอกว่า อย่าเลย น่าเกลียด ก็มาอัพเดทวันต่อวันว่าร่วงบนที่นอนเยอะแล้ว จากนั้นไม่กี่วัน ก็ส่งมาบอกว่าโกนเรียบร้อยพร้อมใส่วิกโชว์ โอ้โห เท่สุดๆอ่ะ

10 Jan 2019 : ซึ่งเป็นเช้าวันนี้แหละ ที่พี่ป้อตัดสินใจโกนผมพร้อมส่งรูปมาอวด เราเลยอัพเดทแม่ตอนเช้าว่าเนี่ยพี่ป้อโกนแล้วนะ พึ่งมาอัพเดทกะแม่ว่าบ้านพี่ป้อไม่อยากให้โกน แม่ก็บอกว่าถ้าร่วงวันแรกแม่ก็ว่าจะโกนเลยนะ กลายเป็นว่าตอนเช้าพี่ป้ออัพเดท ตกเย็นแม่ส่งรูปที่ตัวเองโกนผม พร้อมใส่วิกโชว์มาให้เรา นี่ก็งงมาก ตัดตามเทรนด์พี่ป้อหรือเปล่า สรุปคือช่วงบ่ายร่วง แม่ก็ออกไปโกนผมที่ร้านเลยจ้าาา แม่ให้เหตุผลว่า ตอนร่วงคือ จับแล้วติดมือเลย รู้สึกรับไม่ได้ ถ้ามันร่วงแบบนี้ ใจหาย เลยโกนให้จบๆ แบบนี้ดีกว่า แม่โอเคมากๆ และรีเควสว่าอยากได้วิกผมลอนบ้าง ผมยาวบ้าง ฮ่าๆ

สู้ไปด้วยกันนะแม่ 

เมื่อแม่บอกว่า "พาแม่กับป้าไปเที่ยวเวียดนามหน่อย อยากไปดานัง อยากไปฮอยอัน" 

และนี่ก็คือครั้งแรกของการไปที่ประเทศนี้ "เวียดนาม"


ญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต... ถ้าไม่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ จะรู้สึกว่าไปไม่ถึงญี่ปุ่นมั้ย?


ฮาโหลววววว สวัสดีปีใหม่ปี 2017 ค๊าาาา วันหยุดปีใหม่นี้มีเวลาว่าเขียนบล็อกบ้างแล้ว เลยอยากจะมารีวิวทริปไต้หวันที่ไปมาเมื่อเดือน พ.ย. 2016 ค่ะ ส่วนตัวเราไม่เคยไปไต้หวันมาก่อนเลย แต่ด้วยความเห็นแก่โปร Tiger Air ที่ปล่อยมา 5,000 บาท ไปกลับ เลยจัดไปเมื่อเดือน ก.ค. 2016 ด้วยการออกตั๋วแบบกรุ๊ป 10 คน (ไปกันเป็นแก๊งค์ฮะ) รวมค่าธรรมเนียมทุกอย่าง ก็ออกกันคนละ 5,473 บาท แถมหลังจากนั้น ไต้หวันก็ประกาศยกเลิกวีซ่าซะด้วยสิ หูยยยยย อะไรจะดีงามขนาดนี้น๊อออ แฮปปี้สุดๆเลยค่ะ ตั้งตารอให้ถึงเดือน พ.ย. เร็วๆ ^^ 

อันนี้แพลนย่อๆนะคะ ไปช่วง 11-15 Nov 2016 ลมกำลังเย็น ไม่หนาวมาก แต่แดดก็แรงเท่าบ้านเราเลย >< หลักๆ คือเที่ยวเต็มๆ ด้วยกัน 3 วัน เพราะวันแรกก็ถึงสนามบินเช้าวันที่ 12 ส่วนวันที่ 15 ก็กลับเช้าค่ะ
Day1 : Longshan Temple / National Taiwan Museum /  Chiang Kai-Shek Memorial Hall /  Ximen
Day2 : Taipei Fish Market / Cat Village Houtong / Jiu fen
Day3 : Wulai / Beitou / Taipei Public Library Beitou Branch / Taipei 101

Day 1
เครื่องถึงไต้หวันตี 1 !!! - เน้นเที่ยวตาม MRT ง่ายๆ

จิบอกว่า ความกังวลใจของการไต้หวัน ก็คือเครื่องถึงดึกขนาดนี้ จะไปนอนที่ไหน จะจองโรงแรมก็เปลืองไปอีก (คือเน้นความประหยัดมาก) แต่พอดูข้อมูลว่าสนามบินเถาหยวน ได้รับการโหวตว่าเป็น Sleeping in Airports world’s best airports อันดับ4ของโลก (เครดิตจำไม่ได้ ><) แถมยังมีห้องน้ำให้อาบน้ำอีก สบายสุดๆ เลยปรึกษาชาวแก๊งค์อีก9คน ว่าโอเคมั้ย ซึ่งทั้งหมดโอเค ก็ลุยยยยย ไปถึงผ่านตม.ไรเรียบร้อย สุดท้ายก็ขี้เกียจอาบน้ำกัน เลยหาที่นอนงีบรอเช้า ใครไม่นอน ก็มีปลั๊กไฟให้เสียบชาร์จโทสับเล่นกันไป แล้วก็แต่งตัวออกไปขึ้นบัสเข้าเมืองตี5ครึ่งค่ะ

รถบัสของ Kuo-Kuang ค่าบริการคนละ 125 TWD ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมง รถจอดรอที่ช่องหมายเลข5ค่ะ

รถจะมาจอดที่ไทเปเมน เราก็นั่ง MRT ไปลง Ximen เพื่อเอากระเป๋าไปฝากที่รร. Red Cabin Inn ที่เราได้จองไว้ค่ะ ซึ่งเรานอนที่นี่ 3 คืน เป็นห้องนอน 3 คน  ตกคนละ 1,896 บาท/3คืน ราคาไม่แพง ห้องก็นอนสบายมากค่ะ รร.ก็เดินไม่ไกลมาจาก MRT ด้วย แถมเป็นแหล่งที่หาของกินง่ายสุดๆ

แพลนของวันนี้จะเน้นเที่ยวใกล้ๆ MRT ค่ะ ซึ่งแพลนแรกของเราคือไหว้พระที่วัดหลงซานค่ะ ตั้งใจมาขอพรเรื่องการงาน ส่วนขอพรความรักต้องมาจุดที่ 7 เลยค่ะ รับด้ายแดงไปผูกนิ้วก้อยกันเลย นี่ก็ไม่ค่อยงมงายค่ะ 55555


มื้อเช้าก่อนเข้าวัดที่ตลาดใกล้ๆวัดเลย จำชื่อร้านและเมนูไม่ได้ อาศัยเห็นคนนั่งกินเมนูนี้แล้วชี้ ๆ เอาค่ะ มีความอร่อยยย 60 TWD  ><

National Taiwan Museum ก่อนมาเห็นในเว็บมีจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์คือตื่นเต้นมาก แต่พอไปไม่มีแล้วก็เลยชมอย่างอื่นๆแทน ตั๋วเข้าชมของที่นี่ 30 TWD ค่ะ มีจัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวของจักรยานกับคนไทเปในยุคสมัยต่างๆ มีจุดให้ถ่ายรูปเล่นประมาณนึง

Chiang Kai-Shek Memorial Hall วิวดีมากกก และแดดก็แรงมากเช่นกัน TT  

หลังจากตามล่าหาซิมเนตกันได้แล้วก็เดินผ่านร้าน Formosa Chang เลยกินกันที่นี่ค่ะ เป็นเมนูชุดๆ เรท 80-100 TWD ค่ะ อิ่ม อร่อยย (จำเมนูไม่ได้อีกตามเคย เน้นชี้ภาพเอา)
 พอช่วงเย็นก็กลับซีเหมินมาตามล่าของอร่อยและเข้าที่พักค่ะ 


Day 2
วันอิ่มหนำ วันของทาสแมวววว 

สิ่งที่ต้องลิสไว้เลยของการมาไต้หวันครั้งนี้คือตลาดปลาของที่นี่ค่ะ เพราะแก๊งค์ของเรามีสายปลาดิบอยู่เป็นจำนวนมาก ซื้อกันมาเยอะเลย ก็มีโต๊ะให้ยืนกิน นั่งกิน เหลือก็หอบไปกินที่หมู่บ้านแมวต่อค่ะ

และแล้วก็มาถึง หมู่บ้านแมวโฮวต้งงงง! เอาจริงๆ ไปถึงก็ไม่ค่อยฟินแมวเท่าไหร่นะ เพราะแมวกระจายเป็นหย่อมๆ อยู่ตามแหล่งต่างๆ  ซึ่งหมู่บ้านนี้ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาสีเขียว มีที่ให้เดินเยอะมาก ชอบธรรมชาติของที่นี่มากจริงๆ แต่ถ้าให้โหวตสถานที่ที่ชอบที่สุดของการมาไต้หวันครั้งนี้ คือหมู่บ้านแมวนะ เพราะรู้สึกว่าอยู่ 3 ชม ไม่พอ ยังมีที่ให้เดิน ยังอยากเดินอีก เผื่อเจอแหล่งแมว ><

แพลนสุดท้ายของวันนี้ต่อกันที่จิ่วเฟิ่นค่ะ คนเยอะมากกก เดินเบียดเสียดกันสุดๆ ร้านค้าเยอะ ของกินเยอะ วิวสวย แล้วก็มีแมวด้วยค่ะ (ไม่พ้น 555)

อาหารวันนี้กินแต่ของจากตลาดปลา แล้วก็เอามากินที่หมู่บ้านแมวด้วยอยู่ท้องไปถึงเย็นเลย ถึงรร.มืด ก็จัดของเซเว่นต่อ ดีงามต่อพุงจริงๆ อิอิ


Day 3 
วันเดินหลง น้ำตกอยู่ไสสสส... 

เช้าวันนี้นั่งรสบัสมาที่น้ำตกอู่ไหล เค้าบอกว่าที่นี่น้ำตกสวยมากๆ ต้องมาให้ได้ พอถึงปุ๊ปก็เจอสะพานแขวนสีแดงลากยาว ก็ตื่นเต้น เดินไปถ่ายรูป แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ หวังว่าจะเจอน้ำตกอยู่ข้างหน้า เอาเข้าจริงเดินไกลมาก คอยถามทางคนตลอด ก็ทำให้รู้ว่าจริงๆเราเดินผิดทางตั้งแต่แรกแบบเดินอ้อมเขากันเลย แต่ก็เดินกันจนมาถึงที่หมาย เห็นน้ำตกก็หายเหนื่อยไปบ้าง นั่งมองน้ำตกยาวๆ ก็เริ่มหิวข้าวเที่ยง

ไปเจอร้านคุณป้าขายไก่ น่ารักมาก อิ่มมาก และที่ตลกคือ เห็นภาพเมนูที่ร้าน เลยถามคุณป้าว่าเนื้ออะไร แต่คุณป้าตอบภาษาจีน ที่ฟังคล้ายเสียงหมาเห่า ทุกคนเลยส่ายหัวกันใหญ่ เลยขอไก่ดีกว่า แต่จริงๆมารู้ทีหลังว่าคือหมูป่า... ฮ่าๆๆๆ แล้วก็เดินสตรีทของอู่ไหลนิดหน่อย มีร้านของกินของฝากเยอะค่ะ

จากนั้นก็กลับเข้ามาในเมืองไปต่อที่ Beitou ค่ะ ที่นี่มีห้องสมุดที่ใหญ่ และสวยมากๆ บรรยากาศที่ตั้งของที่นี่จะห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ บ่อน้ำพุร้อน มีความร่มรื่น รวมถึงเป็นจุดจับโปเกม่อนด้วย ><

ปิดท้ายด้วยการไปตึกไทเป 101 ซักนิดค่ะ ^^ ส่วนมื้อเย็นเราก็จัดหนักกันที่ Fei Tien Hot Pot หัวละประมาณ 600 บาท มีเนื้อแกะ เนื้อวัวนู่น นี่ ก็สั่งๆ ใส่ๆไปค่ะ อิ่มมาก อร่อยมากกก

สรุปความประทับใจของการมาไต้หวันครั้งแรก 
ประเทศที่อยากกลับไปอีกครั้ง (เพราะยัดที่เที่ยวในแพลนครั้งนี้ไม่พอ)
ประเทศที่มีแต่ธรรมชาติ ใบไม้เขียว
ประเทศที่เต็มไปด้วยหมาแมว นอกจากหมู่บ้านแมวแล้ว คนประเทศนี้ชอบเลี้ยงหมามากกก เดี๋ยวจะรีวิวให้ดูต่อไป
ประเทศที่เราพูดอิ๊งใส่แต่โดนพูดจีนกลับมาก็สื่อสารกันรู้เรื่อง
ประเทศที่แลกเงินไปหมื่นเดียว ค่าเดินทาง ของกิน ซื้อของฝากคนมากมาย แต่เงินเหลือกลับมาแลกได้ 3,8xx บาท !!
ประเทศที่ลมพัดเย็น แต่แดดแม่งแรงเท่าไทย (แอบบ่นนิด นี่ไปพ.ย.นะเนี่ย)
ประเทศที่ชานมอร่อยมากกกก ตามเซเว่น แฟมิลี่มาร์ทนี่ กินเสร็จเอาขวดชานมกลับบ้าน
ประเทศที่การเดินทางโคดง่าย  MRTสะดวก รถเมล์นี่ก็ซิ่งขึ้นเขาลงเขามันส์มากกกกก

-------------------------------------------------------------------------------------------------------
สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน
- ตั๋ว Tiger Air ไปกลับ = 5,473 บาท
- รร. Red Cabin inn (3 คืน) = 1,896 บาท
- ค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าช้อปปิ้ง จิปาถะ = 6,200 บาท
รวมยอดใช้จ่ายทริปนี้ 13,569 บาท 

*เป็นทริปที่ไม่ล้มละลาย และน่าเที่ยวมากจริงๆ ใครสนใจประเทศนี้ จัดเลยค๊าาา ^^
Muffin in the garden :)
On January 2016















ห่างหายจากการเขียนบล็อกนานมากกก มาคราวนี้ขอกลับมาเขียนรีวิวร้านอาหารนึง ที่ไปมาเมื่อปีที่แล้ว เมื่อช่วงธันวา 58 ที่ผ่านมา (นานไปไหน) แต่ความรู้สึกอร่อยติดทนนานมากก  แต่เอาเถอะ พอกลับมาดูรูปที่ไปกิน ก็อยากเหาะไปกินอีกเหลือเกิน คือร้านนี้ค่ะ "วิรินทร์ แจ่วฮ้อน"
เมื่อวันที่12-15 พ.ค. 59 ที่ผ่านมา ไปสิงคโปร์แบบลุย2 ครั้งแรกกับเพื่อน ซึ่งจองกันข้ามปีมาก ๆ นับวันรอจนได้ไปซะที เลยอยากจะมารีวิวความประทับใจแรกกับการมาสิงคโปร์ครั้งนี้ นั่นก็คือ ที่พักของพวกเราทั้ง 3 คืนค่ะ ซึ่งตอนจองเราใช้เวลากับมันมาก ทั้งดูราคา ดูภาพ และอ่านรีวิวต่าง ๆ บอกเลยว่าโรงแรมในสิงคโปร์ที่ย่านดี ๆ ที่ไม่ใช่โฮสเทลอย่างต่ำนี่ 3000 บาทอัพต่อคืนทั้งนั้น (ณ ช่วงเวลานั้นที่จอง)

และด้วยความที่เป็นการเที่ยวตปท. สไตล์2สาวกับเพื่อนครั้งแรก เลยยังไม่มั่นใจกับการนอนโฮสเทล ก็เลยพยายามหาโรงแรมที่ดูสะอาด อยู่ในย่านดี ห้องน้ำในตัว และที่สำคัญ ราคาต้องไหว ก็ได้เป็นโรงแรมนี้ค่ะ Hotel Nuve 

Hotel Nuve อยู่ย่านบูกิส MRT Bugis ทางออก B คือค่อนข้างโชคดีที่เคยมาสิงคโปร์กับออฟฟิศช่วงมกราที่ผ่านมาแล้วอยู่ย่านนี้พอดี ซึ่งอยู่ซอยถัดไปจาก Village Bugis Hotel เลย ก็มีความอุ่นใจขึ้นมาระดับนึงเพราะใกล้ MRT ทีนี้่มาถึงโรงแรมก่อนเวลาเชคอิน ตามแพลนคือจะฝากกระเป๋าไว้ก่อน แต่พอยื่นเอกสารไรเสร็จ พนง.ยื่นคีย์การ์ดแล้วให้ขึ้นห้องได้เลยตอนเที่ยง ดี๊ดี ห้องเราอยู่ชั้น 2 ค่ะ

มาถึงห้องคือรู้สึกดีนะ จัดระเบียบห้องดีมาก แม้ห้องเล็ก ที่สำคัญคือดูสะอาด ใหม่ มีความอยากนอนก่อนแล้วเย็น ๆ ค่อยออก (เดี๋ยวๆๆๆๆ)

เราจองเป็นเตียงควีนไซส์ค่ะ ซึ่งต่อคืน 1,830 บาท หารกับเพื่อน 2 คน ก็ตกคนละ 900 บาทนะ ราคาสบายมากกกกก

ตรงหัวเตียงก็วางสัมภาระได้ มีที่แขวนเสื้อผ้าประมาณนี้ วางของหน้ากระจกกันให้เต็มที่ มีตู้เซพน้อยๆ และกาต้มน้ำร้อนให้ค่ะ (ภาพอาจไม่ค่อยเห็นอะไรเพราะรกมากกกก ฮ่าๆๆ)

ที่สำคัญมีไดร์เป่าผมให้ด้วย แจ่มตรงนี้ 

ในส่วนของห้องน้ำค่ะ อ่างล่างหน้า ทางรร.ก็มีสบู่ แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟันให้ประมาณนึง

แล้วก็มีผ้าเช็ดตัวให้ด้วยค่ะ ดีไปอีก!

มีความประทับใจหลาย ๆ อย่าง แต่ข้อเสียก็มีบ้าง เช่น ห้องเราไม่มีหน้าต่าง คือ ถ้าอยากมีต้องเพิ่มเงิน ซึ่งทริปนี้เราเน้นความประหยัดจีจี ซึ่งบางคนอาจมีความอึดอัด แต่พวกเราสบายมากค่ะ และก็ด้วยความที่โรงแรมเล็ก ก็จะได้ยินเสียงห้องข้าง ๆ คุยอยู่บ้างค่ะ แต่ก็ไม่ได้ทำลายการนอนหลับของพวกเรา 2 คนเลย นอนสบาย หรือ เที่ยวกันหนักก็ไม่รู้ ฮ่าๆ เอาเป็นว่ารีวิวนี้อาจจะมีประโยชน์ และเป็นตัวเลือกให้กับคนที่กำลังหาโรงแรมในสิงคโปร์ที่ดูดี ไม่น่ากลัว สะอาด นอนสบาย และราคาชิลๆ นะคะ ส่วนเจ้าเพื่อนที่ไปด้วยกันก็บอกว่าถ้าครั้งหน้ามาสิงคโปร์อีก ก็จะมานอนที่นี่อีก ฮ่าๆๆๆ จัดไป

ขอชักภาพกับหน้าโรงแรมนิดนึงงง

ถนนหน้าโรงแรม ถ่ายรูปกันไป